หน้าเว็บ

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Average แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Average แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ฟังก์ชั่นพื้นฐานที่ใช้บ่อย

การใช้งานพื้นฐานทั่วไปจะมีการใช้งานบ่อย ๆ อยู่จำนวนหนึ่งไม่กี่ฟังก์ชั่นตามที่เรียบเรียงมาด้านล่างครับ ซึ่งเราควรจะศึกษาให้เข้าใจและใช้ให้เป็นเพื่อที่จะใช้เป็นพื้นฐานในการใช้งานแบบประยุกต์ต่อไป หากเราเข้าใจการใช้งานฟังก์ชั่นพวกนี้แล้ว จะช่วยให้การทำงานกับ Excel ที่ต้องการการคำนวณหาคำตอบ ต่าง ๆ สามารถทำได้อย่างรวดเร็วและกระชับ ประหยัดเวลาลงได้มาก

แม้จะเป็นระดับการประยุกต์การใช้งานที่ซับซ้อนก็ตาม เราก็ต้องอาศัยฟังก์ชั่นเหล่านี้เป็นหลัก ซึ่งได้แก่
Min หาค่าที่น้อยที่สุด เช่น Min(A1:C10)
Max หาค่าที่มากที่สุด เช่น Max(D8:E20)
Average หาค่าเฉลี่ย เช่น Average(B5:F50)
Count นับว่ามีตัวเลขกี่ตัว เช่น Count(I5:K8)
Counta นับว่าไม่เป็นเซลล์ว่างกี่เซลล์ เช่น Counta(H8:V3)
Countifs นับตามเงื่อนไข เช่น Countifs(A2:A5,"OK",B2:B5,1) เป็นการนับว่า A2:A5 เป็นคำว่า "OK" และ B2:B5 เป็นเลข 1 นั้น มีเท่าไร
Sumifs รวมตามเงื่อนไข เช่น Sumifs(C2:C5,A2:A5,"OK",B2:B5,1) เป็นการรวมค่าใน C2:C5 โดยมีเงื่อนไขว่า A2:A5 เป็นคำว่า "OK" และ B2:B5 เป็นเลข 1 นั้น มีเท่าไร
Left เป็นการตัดอักขระด้านซ้าย เช่น Left(A2,8) เป็นการตัดอักขระด้านซ้ายของเซลล์ A2 มา 8 อักขระ
Right เป็นการตัดอักขระด้านขวา เช่น Right(B2,4) เป็นการตัดอักขระด้านขวาของเซลล์ B2 มา 4 อักขระ
Mid เป็นการตัดอักขระโดยระบุตำแหน่งเริ่มและจำนวนอักขระที่ตัด เช่น Mid(D2,3,4) เป็นการตัดอักขระในเซลล์ D2 โดยเริ่มอักขระที่ 3 มาจำนวน 4 อักขระ
Len เป็นการนับจำนวนอักขระ เช่น Len(C8) เป็นการนับว่าในเซลล์ C8 มีกี่อักขระ
If เป็นการพิจารณาตามเงื่อนไขว่าจริงหรือเท็จ เช่น If(A2=5,"Yes","No") เป็นการพิจารณาว่า A2 เท่ากับ 5 จริงหรือไม่ หากเป็นจริงให้แสดงคำตอบเป็น Yes หากเป็นเท็จให้แสดงคำตอบเป็น No
Vlookup เป็นการค้นหาค่าใด ๆ ในคอลัมน์แรกของตารางแล้วแสดงผลลัพธ์เป็นค่าในคอลัมน์ใด ๆ ของตารางตามที่กำหนด เช่น Vlookup("Finish",B3:F100,2,0) เป็นการค้นหาคำว่า Finish ใน B3:B100 (คอลัมน์แรกของตาราง) แล้วแสดงผลลัพธ์เป็นค่าใน C3:C100 (คอลัมน์ที่ 2 ของตาราง) หากไม่พบคำว่า Finish ใน B3:B100 จะให้ผลลัพธ์เป็น #N/A
Sumproduct เป็นการหาผลรวมของผลคูณ เช่น Sumproduct(A2:A4,B2:B4) เป็นการหาผลรวมของผลคูณของ A2:A4 และ B2:B4 ลักษณะการทำงานคือ A2*B2+A3*B3+A4*B4
Index เป็นการระบุพื้นที่แล้วแสดงผลลัพธ์ในตำแหน่งที่กำหนด เช่น Index(A3:C8,1,3) เป็นการนำบรรทัดที่ 1 คอลัมน์ที่ 3 ของพื้นที่ A3:C8 มาแสดง ค่าผลลัพธ์คือ C3
Match เป็นการค้นหาค่าใด ๆ ในช่วงแล้วแสดงผลลัพธ์เป็นลำดับที่พบ เช่น Match(True,B5:B10,0) เป็นการหาว่าค่า True อยู่ในลำดับที่เท่าไรของช่วง B5:B10 หากไม่พบค่า True จะแสดงผลลัพธ์เป็น #N/A
Indirect เป็นการอ้างอิงโดยอ้อม เช่น B2 มีค่าเท่ากับ 5, A10 มีค่าเท่ากับ B2 เซลล์ใด ๆ คีย์ Indirect("A10") คำตอบจะได้ 5 ลักษณะการทำงานของสูตรคือ หาก่อนว่าค่า A10 คืออะไร เมื่อพบว่า A10 คือ B2 ฟังก์ชั่นนี้จึงแสดงคำตอบที่เป็นค่าใน B2 สังเกตว่าค่าที่จะคีย์ลงไปใน Indirect ได้จะต้องเป็นการอ้างอิงไปยังปลายทางที่เป็นเซลล์หรือช่วงเซลล์เท่านั้น
Offset เป็นการระบุตำแหน่งเซลล์โดยมีจุดเริ่ม ตำแหน่งบรรทัดที่ถัดจากจุดเริ่ม ตำแหน่งคอลัมน์ที่ถัดจากจุดเริ่ม ความสูงของข้อมูล และความกว้างของข้อมูล เช่น Offset(B4,0,0,1,5) เป็นการระบุช่วงข้อมูลโดยเริ่มที่ B4 ตำแหน่งบรรทัดที่ห่างจาก B4 เป็น 0 ตำแหน่งคอลัมน์ที่ห่างจาก B4 เป็น 0 แสดงว่ายังอยู่ที่จุดเริ่มเช่นเดิมคือ B4 ความสูงของข้อมูลเป็น 1 ความกว้างของข้อมูลเป็น 5 แสดงว่าจาก B4 ขยายไปทางขวา 5 คอลัมน์ ผลลัพธ์จะได้เป็นช่วงเซลล์ B4:F4

สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับการใช้งานฟังก์ชั่นได้อย่างคล่องแคล่วคือการฝึกฝนใช้งานบ่อย ๆ หากเข้าใจและใช้งานฟังก์ชั่นตามด้านบนนี้ได้เป็นอย่างดี จะสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดเพื่อหาคำตอบที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ ได้อย่างไร้กังวลครับ

มีปัญหาการใช้งาน Microsoft Excel and VBA สอบถามได้ที่ snasui.com

Revised: December 23, 2017 at 12:04

วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2555

คำแนะนำการใช้งาน Excel สำหรับผู้เริ่มต้น

โปรแกรม Microsoft Excel นับเป็นโปรแกรมที่มีความสามารถสูงและยืดหยุ่นต่อการใช้งานเป็นอย่างมาก ไม่ว่าผู้เริ่มต้นหรือผู้เชี่ยวชาญในระดับใด ๆ ก็ตามก็สามารถใช้ประโยชน์จาก Microsoft Excel ได้ทั้งสิ้น ไม่ว่างานเล็ก ๆ เช่นเก็บข้อมูลส่วนตัว หรืองานใหญ่ ๆ ที่สำคัญ ๆ เช่นการติดต่อกับฐานข้อมูล Data Warehouse การทำ Business Intelligence (BI) โดยมี Add-ins เช่น PowerPivot ก็สามารถนำ Excel ไปใช้ในการแสดงผลและวิเคราะห์ข้อมูลได้ ทำให้การดูข้อมูลและรายงานในมุมมองต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดายเพียงแค่คลิกเท่านั้น

ในองค์กรธุรกิจโดยส่วนใหญ่ แม้จะมีทางเลือกในการใช้เครื่องมือต่าง ๆ สำหรับการเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล สรุปผลเพื่อทำรายงานเสนอต่อผู้บริหารในการตัดสินใจ ก็มักจะมี Microsoft Excel เป็นเครื่องมือลำดับต้น ๆ ที่ถูกพิจารณานำมาใช้อยู่เสมอ ด้วยเหตุผลหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นสร้างความคุ้นเคยได้ง่าย มีเครื่องมือให้ใช้มากชนิดจนไม่สามารถเรียนรู้ได้หมด สามารถเพิ่มความสามารถได้ไม่จำกัด เป็นต้นSNAGHTML17c9016

ดังที่เห็นตามข้างต้นว่า Microsoft Excel มีความสามารถในการใช้งานมากมายและสร้างความคุ้นเคยได้ง่าย แต่หากผู้ใช้งานไม่ได้ทำความเข้าใจหรือมักจะเลยบางเรื่อง ทำให้การใช้งานไม่ราบรื่นหรือเกิดสะดุดขึ้นมาได้ จึงขอแนะนำหลักการพื้นฐานบางประการที่ช่วยให้ผู้เริ่มต้นสามารถใช้ Excel ได้ราบรื่นขึ้น ดังนี้

  1. เมื่อมีการคีย์ค่าใด ๆ ลงในเซลล์ไม่ว่าจะเป็นค่าคงที่หรือสูตร เมื่อเสร็จสิ้นการคีย์ให้กดแป้น Enter แทนการคลิกเมาส์ที่เซลล์อื่น การ Enter เป็นการบอกโปรแกรมว่าสิ้นสุดการกรอกข้อมูล ผู้ใช้งานหลายท่านมักจะคลิกเมาส์ไปยังเซลล์อื่นเพื่อแสดงการสิ้นสุดการกรอกข้อมูล ซึ่งการทำเช่นนั้นทำให้ค่าที่คีย์ลงไปได้รับผลกระทบหากคีย์เป็นสูตรหรือ Function เพราะโปรแกรมถือว่าการคลิกเซลล์อื่นเป็นการระบุ Argument หรือส่วนประกอบลงในสูตรและการกรอกข้อมูลในครั้งนั้น ๆ ยังไม่สิ้นสุด
  2. การ Copy ข้อมูลจากต้นทางไปยังปลายทาง สำหรับ Excel แล้วสามารถเลือก Copy ได้หลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น Copy ไปเฉพาะสูตร, Copy ไปเฉพาะรูปแบบ, Copy ไปเฉพาะความกว้างคอลัมน์, Copy ไปเฉพาะค่า, Copy ไปเฉพาะ Comments, Copy ไปเฉพาะ Validation เป็นต้น ดังนั้น แทนที่จะ Copy แล้ววางทั้งหมดให้ลองนึกดูว่าเราจะวางอะไรลงไปเพื่อจะได้ไม่ต้องมาปรับปรุงในภายหลัง หากไม่ใช่การวางทั้งหมดให้เลือกวางแบบพิเศษ หรือ Paste Special แทน การวางแบบ Paste Special ให้คลิกขวายังเซลล์เป้าหมายแล้วเลือก Options การวางตามต้องการ จะช่วยลดเวลาในการปรับปรุงในภายหลัง
  3. พยายามสังเกตทุกการกระทำกับ Worksheet ที่ Status bar ตามภาพด้านล่าง ซึ่งจะเป็นข้อมูลแจ้งให้กับผู้ใช้ทราบว่าให้ทำการใด ๆ เพื่อผลลัพธ์ใด ๆ สำหรับ Status bar นี้มีประโยชน์ในการทำงานกับ Excel มาก
    clip_image002[4]
  4. ให้ระมัดระวังในการลบชีท เนื่องจากเมื่อลบแล้วไม่สามารถ Undo ได้ กรณีได้เผลอลบไปแล้วและยังไม่ได้ Save ให้ปิดไฟล์ไปก่อนแล้วเปิดมาใหม่ แต่การทำเช่นนี้ข้อมูลที่ยังไม่ได้ Save จะสูญหายไปทั้งหมด แต่ก็ยังดีกว่าสูญเสียข้อมูลสำคัญในชีทที่ลบออกไปclip_image005[4]
  5. กรณีต้องการดูผลการคำนวณเร็ว ๆ โดยไม่จำเป็นต้องคีย์ฟังก์ชั่นหรือสูตรการคำนวณขึ้นมาเอง ให้คลุมพื้นที่ที่ต้องการดูผลลัพธ์แล้วสังเกตมุมขวาล่างของหน้าต่าง Excel จะมีผลของการนับ การเฉลี่ยและการรวมมาให้ โดย 3 ค่าดังกล่าวเป็นค่าเริ่มต้นหรือค่า Default สามารถเพิ่มหรือลดโดยการคลิกขวาลงบน Status Bar แล้วทำเครื่องหมายหน้า Option การแสดงผลที่ต้องการ Aggregate Function
  6. การ Lock เซลล์ ด้วยเครื่องหมาย $ สำหรับการอ้างอิงใน Excel จะใช้เครื่องหมาย $ เป็นเครื่องชี้ว่าเป็นการอ้างอิงลักษณะใดซึ่งแบ่งออกเป็น
    1. การ Lock คอลัมน์
    2. การ Lock บรรทัด
    3. การ Lock ทั้งคอลัมน์และบรรทัด
    4. ไม่ Lock ทั้งคอลัมน์และบรรทัด

ยกตัวอย่างเช่น

=$A$1 เป็นการ Lock ทั้งคอลัมน์และบรรทัด หาก Copy A1 ไปวางในเซลล์ใด ๆ ค่าผลลัพธ์ที่ได้จะเท่ากับค่าใน A1 เสมอ

=A$1 เป็นการ Lock บรรทัดที่ 1 แต่ไม่ได้ Lock คอลัมน์ หาก Copy A1 ไปวางที่เซลล์ใด ๆ ค่าผลลัพธ์จะอ้างถึงค่าในบรรทัดที่ 1 เสมอแต่คอลัมน์จะผันแปรไปตามเซลล์ปลายทางที่นำไปวาง

=$A1 เป็นการ Lock คอลัมน์แต่ไม่ได้ Lock บรรทัด หาก Copy A1 ไปวางที่เซลล์ใด ๆ ผลลัพธ์จะอ้างถึงค่าในคอลัมน์ A เสมอแต่บรรทัดจะผันแปรไปตามเซลล์ปลายทางทีนำไปวาง

=A1 เป็นการไม่ Lock ทั้งคอลัมน์และบรรทัด หาก Copy A1 ไปวางที่เซลล์ใด ๆ ผลลัพธ์จะอ้างถึงค่าในคอลัมน์ และบรรทัดที่ผันแปรไปตามเซลล์ปลายทางทีนำไปวาง

จาก 6 ข้อที่กล่าวมาข้างต้น จะเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกให้กับผู้เริ่มต้นใช้ Excel ได้ใช้งานอย่างราบรื่นและสนุกสนาน ลดความกังวลเกี่ยวกับการตอบสนองของ Excel ไปได้หลายประการ อย่างไรก็ตาม การใช้งาน Excel ให้ได้อย่างแคล่วคล่องต้องผ่านการฝึกปฏิบัติบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานปกติตามเมนู หรือการเขียนฟังก์ชั่นการคำนวณต่าง ๆ ซึ่ง Excel ได้เตรียมไว้ให้จำนวนมาก เมื่อฝึกปฏิบัติบ่อย ๆ แล้วจะเกิดความชำนาญและใช้งาน Excel ได้อย่างไร้ขีดจำกัด

วันเสาร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2553

การคำนวณโดยระบุกลุ่มข้อมูลจากข้อมูลทั้งหมด

กรณีการคำนวณเฉพาะกลุ่มข้อมูลที่กำหนดเช่น 10 ค่าสุดท้าย หรือ 5 ค่าสุดท้ายหรือกลุ่มข้อมูลช่วงใด ๆ ของข้อมูลทั้งหมดคงไม่เป็นเรื่องยากหากว่าไม่มีเซลล์ว่างคั่นระหว่างข้อมูล แต่หากข้อมูลไม่เป็นระเบียบโดยมีการเว้นว่างไว้ด้วย การคำนวณโดยระบุจำนวนค่าที่กำหนดจะยุ่งยากมากขึ้นหลายเท่า

ซึ่งกรณีที่จะยกตัวอย่างต่อไปนี้จะเป็นการคำนวณหาค่าค่าเฉลี่ย ค่ามากที่สุด ค่าน้อยที่สุด เฉพาะ 5 ค่าสุดท้ายของช่วงข้อมูลซึ่งไม่ติดกัน ทั้งดึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาแสดง โดยข้อมูลอยู่ที่คอลัมน์ A:F และจะนำผลลัพธ์ซึ่งเป็นค่า Average, Min, Max และวันที่ที่เกี่ยวข้องของค่าต่าง ๆ มาแสดงที่คอลัมน์ I:M

ภาพตัวอย่างการคำนวณโดยระบุกลุ่มข้อมูลทั้งหมด

Last_n_ItemCal

โดยมีลำดับการคำนวณดังข้างล่างนี้

  1. เซลล์ H1 คีย์ ตัวเลขซึ่งเป็น n ลำดับสุดท้าย เช่นตามโจทย์คือ 5 อาจจะคีย์เป็น 7, 10 อันนี้แล้วแต่ความต้องการ
  2. เซลล์ I2 คีย์สูตร เพื่อหาค่า Average สำหรับ Type A
    =AVERAGE(INDEX(B2:B21,IF(COUNT(B2:B21)<$H$1,1,LARGE(IF(ISNUMBER(B2:B21),ROW(B2:B21)-ROW(B2)+1),$H$1))):INDEX(B2:B21,MATCH(9.99999999999999E+307,B2:B21)))
    Ctrl+Shift+Enter
  3. เซลล์ I3 คีย์สูตร เพื่อหาค่า Min สำหรับ Type A
    =MIN(INDEX(B2:B21,IF(COUNT(B2:B21)<$H$1,1,LARGE(IF(ISNUMBER(B2:B21),ROW(B2:B21)-ROW(B2)+1),$H$1))):INDEX(B2:B21,MATCH(9.99999999999999E+307,B2:B21)))
    Ctrl+Shift+Enter
  4. เซลล์ I4 คีย์สูตร เพื่อหาวันที่ที่แสดงค่า Min สำหรับ Type A
    =INDEX(INDEX($A2:$A21,IF(COUNT(B2:B21)<$H$1,1,LARGE(IF(ISNUMBER(B2:B21),ROW(B2:B21)-ROW(B2)+1),$H$1))):INDEX($A2:$A21,MATCH(9.99999999999999E+307,B2:B21)),MATCH(I3,INDEX(B2:B21,IF(COUNT(B2:B21)<$H$1,1,LARGE(IF(ISNUMBER(B2:B21),ROW(B2:B21)-ROW(B2)+1),$H$1))):INDEX(B2:B21,MATCH(9.99999999999999E+307,B2:B21)),0))
    Ctrl+Shift+Enter
  5. เซลล์ I5 คีย์สูตร เพื่อหาค่า Max สำหรับ Type A
    =MAX(INDEX(B2:B21,IF(COUNT(B2:B21)<$H$1,1,LARGE(IF(ISNUMBER(B2:B21),ROW(B2:B21)-ROW(B2)+1),$H$1))):INDEX(B2:B21,MATCH(9.99999999999999E+307,B2:B21)))
    Ctrl+Shift+Enter
  6. เซลล์ I6 คีย์สูตร เพื่อหาวันที่ที่แสดงค่า Max สำหรับ Type A
    =INDEX(INDEX($A2:$A21,IF(COUNT(B2:B21)<$H$1,1,LARGE(IF(ISNUMBER(B2:B21),ROW(B2:B21)-ROW(B2)+1),$H$1))):INDEX($A2:$A21,MATCH(9.99999999999999E+307,B2:B21)),MATCH(I5,INDEX(B2:B21,IF(COUNT(B2:B21)<$H$1,1,LARGE(IF(ISNUMBER(B2:B21),ROW(B2:B21)-ROW(B2)+1),$H$1))):INDEX(B2:B21,MATCH(9.99999999999999E+307,B2:B21)),0))
    Ctrl+Shift+Enter
  7. คลุม I2:I6 แล้ว Copy ไปทางด้านหลัง

======================================================

ตัวอย่างการแกะสูตร

จากสูตร

=AVERAGE(INDEX(B2:B21,IF(COUNT(B2:B21)<$H$1,1,LARGE(IF(ISNUMBER(B2:B21),ROW(B2:B21)-ROW(B2)+1),$H$1))):INDEX(B2:B21,MATCH(9.99999999999999E+307,B2:B21)))

จากช่วงของสูตร

INDEX(B2:B21,IF(COUNT(B2:B21)<$H$1,1,LARGE(IF(ISNUMBER(B2:B21),ROW(B2:B21)-ROW(B2)+1),$H$1))

เป็นการหาค่าแรกของข้อมูลที่ต้องการ

INDEX(B2:B21,MATCH(9.99999999999999E+307,B2:B21))

เป็นการหาเซลสุดท้ายของช่วงข้อมูล(ที่เป็นตัวเลข)

มาดูไส้ของสูตรแรกกันใน ช่วงที่เป็น

LARGE(IF(ISNUMBER(B2:B21),ROW(B2:B21)-ROW(B2)+1),$H$1)

ความหมายคือ ถ้า B2:B21 เป็นตัวเลข ให้คืนค่าแถวลำดับ และนำลำดับที่ H1 (ตามแต่กำหนด) มาแสดง

เมื่อคลุมช่วง ISNUMBER(B2:B21) แล้วกดแป้น F9 จะได้

LARGE(IF({FALSE;TRUE;TRUE;TRUE;FALSE;TRUE;TRUE;FALSE;FALSE;FALSE;FALSE;FALSE;TRUE;TRUE;FALSE;FALSE;TRUE;TRUE;FALSE;TRUE},ROW(B2:B21)-ROW(B2)+1),$H$1)

เมื่อ ลากคลุมช่วง ROW(B2:B21)-ROW(B2)+1 กับลากคลุม H1 แล้วกด F9 จะได้

LARGE(IF({FALSE;TRUE;TRUE;TRUE;FALSE;TRUE;TRUE;FALSE;FALSE;FALSE;FALSE;FALSE;TRUE;TRUE;FALSE;FALSE;TRUE;TRUE;FALSE;TRUE},{1;2;3;4;5;6;7;8;9;10;11;12;13;14;15;16;17;18;19;20}),5)

ในขั้นตอนนี้จะได้สูตร IF ในมุมมองที่ชัดเจนขึ้น ตัวหน้าที่เป็น False จะไม่นำค่าตัวเลขในปีกกาด้านหลังมาแสดง ส่วนตัวที่เป็น True จะนำตัวเลขในปีกกาด้านหลังมาแสดง

เมื่อลากคลุม IF({FALSE;TRUE;TRUE;TRUE;FALSE;TRUE;TRUE;FALSE;FALSE;FALSE;FALSE;FALSE;TRUE;TRUE;FALSE;FALSE;TRUE;TRUE;FALSE;TRUE},{1;2;3;4;5;6;7;8;9;10;11;12;13;14;15;16;17;18;19;20})

แล้ว กดแป้น F9 จะได้

LARGE({FALSE;2;3;4;FALSE;6;7;FALSE;FALSE;FALSE;FALSE;FALSE;13;14;FALSE;FALSE;17;18;FALSE;20},5)

หากลากคลุมสูตรนี้ต่อก็จะได้ 13 (ซึ่งจะเห็นได้ว่าตัวที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 5 ในสูตรนี้คือ 13)

เมื่อมองภาพรวมสูตรทั้งหมดอีกครั้งจะได้เป็น

=AVERAGE(INDEX(B2:B21,IF(COUNT(B2:B21)<$H$1,1,13)):INDEX(B2:B21,MATCH(9.99999999999999E+307,B2:B21)))

Note: สูตร Index จะคืนค่าในเซลที่ต้องการค้นหา แต่เมื่อเชื่อมด้วย : แล้วสามารถแปลงจากค่าในเซลที่ค้นหาเป็นตำแหน่งเซลที่ บรรจุค่าที่ต้องการค้นหาทันที จากการใช้ Index:Index ซึ่งจะเกิดเป็นช่วงข้อมูล แต่หากลากคลุมสูตรด้านบนแล้วกดแป้น F9 ต่อไปจะได้ค่าที่เป็น ตัวเลข:ตัวเลข แทน จึงจำเป็นต้องพิสูจน์สูตรด้วยคำสั่ง Evaluate Formula จึงจะได้คำตอบที่ต้องการ

สำหรับ Excel 2003 จะไม่สามารถ ใช้คำสั่ง Evaluate Formula ตั้งแต่ต้นในการพิสูจน์สูตรที่ให้นี้ได้ (Excel จะ ล่ม จะเห็นได้จากภาพที่ Title bar มีคำว่า Recovered) ผมถือว่ามันเป็น Bug จึงจำเป็นต้องใช้ 2 วิธีในการแกะสูตรครับ